วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

Kimchi Nutrition

 คุณค่าทางอาหารของ กิมจิ !   


     กิมจิที่ผ่านการดองอย่างดีจะมี แอนตี้ไบโอติก ( Anti-Biotic ) ซึ่งแบคทีเรียกรดแลคติก ( Lactic Acid Bacteria ) ที่เกิดจากการดองกิมจิจะช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ไม่ให้เติบโตขึ้นภายในลำไส้ และกรดแลคติกมีหน้าที่ป้องกันโรคภัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือแม้แต่มะเร็งในกระเพราะอย่างที่เราทราบกันมาบ้างแล้ว แบคทีเรียตัวนี้ยังทำให้กิมจิมีรสเปรี้ยว
     ส่วนผสมส่วนใหญ่ในกิมจิจะมีแคลลอรี่และปริมาณน้ำตาลต่ำ แต่กากใยอาหาร หรือวิตามินต่าง ๆ เช่นวิตามิน A กับ C และ แร่ธาตุ อย่างเช่นแคลเซียมและธาตุเหล็ก จะมีอยู่มาก เพราะฉะนั้นเราสามารถกินได้โดยไม่รบกวนในเรื่องของน้ำหนัก และยังดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย กาก ใยในผักกาดขาวนั้นที่เป็นส่วนประกอบของการทำกิมจิไม่ใช่สารอาหารที่บำรุงเลี้ยง แต่ก็ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้ แต่จะช่วยในการช่วยให้อาหารย่อยผ่าน สำไส้ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

แบคทีเรียกรดแลคติก  ( Lactic Acid Bacteria )
แลคติกแบคทีเรียที่ก่อตัวในกิมจิมีประโยชน์มาก ๆ เพราะช่วยดูแลเรื่องลำไส้และมีหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคได้อีกด้วย

กรดอเซทิก ( Acetic Acid )
กรด อเซทิกในกิมจิจะเกิดขึ้นต่างไปจากกรดแลคติก เพราะส่วนผสมและวัสดุที่ใช้ในการทำกิมจิต่างกัน อย่างเช่นระดับของเกลือที่ใช้ หรืออุณหภูมิและระยะเวลาในการดอง 

กรดอามีโน ( Amino Acids )
กรด อเซทิกไม่ได้เป็นส่วนสำคัญอย่างเดียวในการเพิ่มรสชาดิให้กับกิมจิ แต่ยังมีก๊าซคาร์บอน เครื่องปรุงรส และ กรดอามีโนนี่ ที่เป็นตัวช่วย กรดอามีโนนั้นจะเกิดขึ้นจากการแตดตัวของโปรตีนในน้ำพริกปลาดอง ( Pickled Fish Paste ) และหอยนางรมที่ใส่ลงไปในกิมจิ

วิตามิน ( Vitamins )
ในกิมจิมีวิตามินบี และวิตามินซีอยู่สูงมากเลยทีเดียว และยังร่วมไปถึงแบต้าแคโรทีน ( Beta Carotene ) อีกด้วย หลังจากการดองกิมจิไปเป็นเวลา 3 อาทิตย์ ระดับของวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินบี 12 ก็จะเพิ่มถึงเป็น 2 เท่าตัวเลยทีเดียว


แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://th.hicow.com/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5-%E0%B9%83%E0%B8%95/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5/%E0%B8%9C-%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A5-267658.html
http://sites.google.com/site/sirinyareuxngchay/pra
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=342241

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

กิมจิ กับเรื่องของสุขภาพ


          กิมจิผักดองที่ขึ้นชื่อของประเทศเกาหลีนั้นได้ถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน 5 อาหารสุขภาพโดยเฮลท์แม็กกาซีน (Health Magazine) โดยให้เหตุผลที่ว่าผักดองอย่างกิมจินั้นอุดมด้วยวิตามินและสารอาหาที่ช่วยในการย่อยอาหาร และอาจจะช่วยรักษาโรคมะเร็งได้อีกด้วย ซึ่ง สรรพคุณของกิมจิได้มาจากหลายปัจจัยมากมายหลายอย่างเพราะว่ากิมจิทำมาจากผักกาดขาว หัวหอม และกระเทียม ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และยังมีโปรไบโอติกส์แลคโตแบซิลลัส ที่ให้กรดแลคติก หลังจากการหมักเหมือนในโยเกิร์ตด้วย อีกทั้งกิมจิยังมีพริกแดงที่เป็นส่วนผสมหลักมีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นเดียวกัน

          และในขณะเดียวกันกิมจิก็อาจก่อให้เกิดโทษได้เช่นกันถ้าเราบริโภคมากๆ มีผลต่อความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารได้ เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2548 นักวิจัยชาวเกาหลีใต้เปิดเผยว่ามีความเสี่ยงถึงร้อยละ 50 ที่อาจจะเป็นเหตุให้เกิดมะเร็งในกระเพาะ แต่ในการศึกษาบางชิ้นนั้น อ้างว่าการบริโภคกิมจิมีส่วนช่วยในการลดการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารอร่างไรก็ตามยังมีการศึกษาบางชิ้นอีกเช่นกันที่อ้างว่ากิมจิ (ที่มีส่วนผสมเป็นหัวผักกาด) จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง และการบริโภคกิมจิเป็นจำนวนมาก ก็จะเป็นได้รับเกลือหรือน้ำปลาที่ใช้ในการหมักและปรุงรสเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพขึ้นได้เช่นโรคความดันโลหิตสูง

 

 

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

http://www.thaieditorial.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B4-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82/

http://sites.google.com/site/sirinyareuxngchay/pra

http://www.mykoreabuddy.com/tc/135

 

 

 

ความเป็นมาของอาหารเกาหลี



          ประเทศเกาหลีเป็นประเทศเกษตรกรรม และชาวเกาหลีทำอาชีพเพาะปลูกข้าว หรือมีการทานข้าวเป็นอาหารหลักเช่นเดียวกับประเทศไทยของเรามาตั้งแต่ในสมัยโบราณสืบทอดกันมา ในปัจจุบันอาหารเกาหลีจะเป็นตำหรับที่ประกอบไปด้วย เนื้อสัตว์ ปลา พืช และผักต่างๆมากมาย และนำมาทำเป็นอาหารหมักดองมากมายจนอาหารขึ้นชื่อที่ดังที่สุด และเป็นเอกลักษณ์ของอาหารเกาหลีเลยก็คือ กิมจิ

จุดเริ่มต้นของกิมจิ

          ชื่อกันว่าการทำกิมจินั้นเป็นการดองผักได้มีการเริ่มทำขึ้นในสมัย ศตวรรษที่ 7 ในยุคสมัยนั้นช่วงฤดูหนาวของประเทศเกาหลี จะมีอากาศหนาวจัดมากและไม่เหมาะกับการเพาะปลูก ชาวเกาหลีในยุดนั้นจึงคิดวิธีการถนอมอาหารขึ้น เพื่อแทนผักสดที่หาทานได้ยาก และหนึ่งในนั้นคือการทำผักดองเค็มด้วยเกลือหมักในไหแล้วนำไปฝังดิน จึงถือว่าเป็นจุดกำเนิดของกิมจิในยุคสมัยต่อมาจนปัจจุบัน

          ในปัจจุบัน  การทานกิมจิเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้วสำหรับคนเกาหลี เวลาที่คนเกาหลีเดินทางไปต่างประเทศต่างแดนจึงไม่ลืมที่จะพกกิมจิของตนเองติดตัวไปพร้อมกับการเดินทางไปด้วย กิมจิจึงได้เริ่มมีการแพร่หลายในวงกว้างและรู้จักถึงคนในประเทศอื่นๆโดยช่วงแรกเริ่มเข้าไปในประเทศใกล้เคียงก่อนคือ ประเทศจีน รัสเซีย รัฐฮาวาย และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศญี่ปุ่น ถือได้ว่าเป็นชาติแรกที่นำกิมจิเป็นเครื่องเคียงในอาหารของชาติตนเอง โดยเรียกกิมจิของตนเองว่า คิมุชิ (Kimuchi) เพื่อให้เข้ากับการออกเสียงในภาษาญี่ปุ่น ต่อมากิมจิจึงเริ่มเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ชาวต่างชาติในหลายประเทศ เช่นสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และประเทศไทยของเราด้วยนั่นเอง

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

http://th.wikipedia.org/wiki/กิมจิ