วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

เมนูอาหารเกาหลีขึ้นชื่อ



ในกรุงเทพฯ ของเรามีร้านอาหารเกาหลีมากมาย ที่มีเมนูอาหารเกาหลี รสชาติเด็ดๆ อร่อยๆ ที่คอยเรียกน้ำย่อยให้กับคนคอเกาหลี ซึ่งอาหารเกาหลีจะมีเมนูค่อนข้างหลากหลายแตกต่างชนิดกันไป แต่ที่เราที่รู้จักกันก็อาจมีเพียงไม่กี่เมนู จึบขอแนะนำเมนูยอดฮิต 12 เมนู เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนคอเกาหลีได้รู้จักกัน ดังนี้
1. กิมจิ

 
2.คาลบี ต้นตำหรับอาหารเลื่องชื่อของประเทศเกาหลี


โครงหมูย่างที่หมักจนได้ที่ แล้วนำมาย่างบนเตาถ่านร้อนๆ ให้สุกกำลังดี รับประทานกับซอสเกาหลี กระเทียม กิมจิ และใช้ใบผักกาดหอมหรือใบงา ห่อเป็นคำๆคล้ายเมี่ยงคำ

3.ทัคคาลบี Takkalbi เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองชุนชอน


เนื้อไก่ที่หั่นออกมาเป็นชิ้น คลุกเคล้าด้วยเครื่องปรุงและหมักไว้จนได้ที่ เมื่อรับประทานจะนำมาผัดบนกระทะ พร้อมด้วย Rice cake หรือเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบหนานุ่มผัดให้เข้ากัน และสุดท้ายเอาข้าวมาผัดทานเป็นข้าวผัดได้อีกด้วย แกล้มด้วยสาหร่าย โอเด้ง (เนื้อปลาผสมแป้ง) กิมจิ พร้อมข้าวสวยร้อนๆ 

4.ชาบู ชาบู sha-bu sha-bu


สุกี้สไตล์เกาหลีบนหม้อไฟร้อน ๆ ประกอบด้วยหมูสไลซ์ ผักบำรุงสุขภาพ เห็ดต่างๆ น้ำซุปร้อนๆ และเส้นอุด้งซึ่งขาดไม่ได้ในการทานชาบู พร้อมข้าวสวย น้ำจิ้มซีอิ๊วเกาหลี และเครื่องเคียงต่างๆ

5.บิบิมบัพ Bibimbup 


ข้าวผัดแบบเกาหลีเป็นหม้อหิน ข้าวสวยเกาหลีในหม้อหินร้อนๆ สาหร่ายทะเล ไข่ดาว ต้นหอม แครอท ถั่วงอก เห็ด คลุกเคล้าให้เข้ากันกับซอสพริเกาหลี กลิ่นหอมของข้าวที่ระอุในหม้อหิน 

6.พูเดจิเก


คล้ายแกงส้ม ประกอบด้วยหมู ไส้กรอก ผักบำรุงสุขภาพต่างๆ เส้นมาม่าหรือเส้นอุด้งซึ่งขาดไม่ได้ นำไปต้มให้เดือด แล้วใส่ซอสพริกเกาหลี 

7.บุลโกกิ 


หมูหมักจนได้ที่แล้วนำมาใส่บนกระทะ ผัดกับกระหล่ำปลีและวุ้นเส้นของเกาหลี มีน้ำขลุกขลิกออกรสหวานเล็กน้อย เสิร์ฟพร้อมด้วยข้าวสวย และเครื่องเคียงต่างๆ 

8.บาร์บีคิวเกาหลี


หมูที่ผ่านการหมักด้วยซีอิ๊วและเครื่องปรุงจนได้ที่ แล้วนำมาย่างบนเตาถ่านร้อนๆ รับประทานกับผักกาดหอม กระหล่ำปลี ซอสเกาหลี กระเทียม กิมจิ เกาหลี มีน้ำขลุกขลิกออกรสหวานเล็กน้อย เสิร์ฟพร้อมด้วยข้าวสวย น้ำซุปสาหร่าย และเครื่องเคียงต่างๆ 

9.ซัมเคทัง หรือไก่ตุ๋นโสม


ตำรับชาววังไว้บำรุงสุขภาพ ใช้ไก่ที่อายุพอเหมาะกับการรับประทาน (อายุ 45 วัน) ท่านละ 1 ตัว ก่อนอื่นให้ล้างเครื่องในออกให้หมดแล้วยัดไส้ด้วยของบำรุง อาทิเช่น เม็ดพุทราแห้ง รากโสมเกาหลี เก๋ากี้ รับประทานพร้อมกับข้าวซึ่งใส่อยู่ภายในตัวไก่ และเสริมรสชาติด้วยเส้นอุด้ง ปรุงรสด้วยพริกไทย และเกลือป่นของเกาหลี เสิร์ฟพร้อม Ginseng wine เป็นโซจูดองโสมเพื่อบำรุงร่างกายให้คึกคักกระปรี้กระเปร่า

10.จับเช



เป็นอาหารที่คนเกาหลีชอบโดยนำผักที่ชอบหรือที่มีตามฤดูกาลมาผัดรวมกันโดยใส่ น้ำมันเล็กน้อย แล้วใส่เนื้อวัวที่หั่นชิ้นเต็มคำ และนำไปผัดกับวุ้นเส้นเกาหลี เมื่อเส้นและส่วนผสมผัดจนสุกดีแล้ว จึงนำมาคลุกเคล้าเพิ่มรสชาติด้วยซอสถั่วเหลือง น้ำตาล และน้ำมันงา 

11.ต็อกกุก



ซุปต็อกเป็นที่นิยมรับประทานกันในฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว ซึ่งทำมาจากข้าวจะนำมาต้มรวมกับน้ำซุปกระดูกวัว

12.โสม



พืชสมุนไพร ราชาแห่งสมุนไพรโบราณที่มีราคาแพงที่สุด รู้จักกันเป็นอย่างดีในประเทศจีนและเกาหลี ชาวเกาหลีโบราณเชื่อกันว่า มันเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มพลังทางเพศและความสามารถในการสืบลูกหลานรวมทั้งช่วย ทำให้มีชีวิตยืนยาว และช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งคงทนของร่างกาย อีกด้วย


แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.jpopkpop-music.com/travel/?p=135
http://www.kooru.com/shoping/shoping-article-news.php?Art_ID=85

ทำกิมจิง่ายๆด้วยตัวคุณเอง


ครั้งนี้ผมจะนำเสนอวิธีการทำกิมจิกันแบบง่ายๆ 

เริ่มกันเลยครับ 



 ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง



1.ผักกาดขาว ให้ตัดครึ่งก่อนครับ แล้วในครึ่งท่อนนั้น ตัดที่ฐานประมาณ 1 นิ้ว แล้วใช้มือแยกให้ออกเป็น 2 ท่อน เราก็จะได้ผักที่ดูสวยน่าทาน(ดูตัวอย่างรูปกลางด้านบน)






 ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง

2.เกลือ ใส่เกลือเม็ดในน้ำ ให้พอเหมาะพอให้น้ำมีรสเค็ม

 ให้สังเกตสีของภาชนะ

ภาชนะสีขาว คือน้ำเกลือ ให้นำผักทั้ง 4 ชิ้นมาล้างในน้ำเกลือ ล้างให้ทุกซอกทุกมุม แล้วเอาไปพักไว้ในภาชนะสีฟ้า

เมื่อล้างผักหมดแล้ว ให้เทน้ำเกลือใส่ภาชนะสีฟ้าพอประมาณ

ใช้ของหนักกดทับไว้ ทิ้งไว้สัก 2 ชั่วโมงแล้วจึงพลิกผัก

จากนั้นก็ทิ้งไว้อีกสัก 2-3 ชั่วโมง หรือ 4 ชั่วโมง หรือ ค้างคืนไว้ยิ่งดี (แต่อาจจะไม่จำเป็น เพราะปริมาณน้อยมาก)



ขั้นตอนต่อไป วิธีทำส่วนประกอบต่าง ๆ


3.ทำน้ำแป้งเปียก



 ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง

1 ละลายแป้ง plain flour ในน้ำพอประมาณดังรูป คน ๆ ให้เข้ากัน อย่าให้เหลวเป็นน้ำจนเกินไป

2 ต้มน้ำให้เดือด ไฟแรง แล้วใส่แป้งลงไป จากนั้นก็ลดไฟให้ต่ำลง

3 ใช้ที่ตีไข่กวน ๆ แล้วใส่น้ำตาล 3 ชช.

4 ไฟแรงอีกทีให้เดือดปุด ๆ แป๊บเดียว เป็นอันเสร็จ

5 เอาไปวางไว้ข้างนอกหรือในที่ ๆ อากาศถ่ายเทสะดวก มันจะเย็นลงแล้วมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก

ทิ้งไว้ข้างนอก จนกว่าจะถึงเวลาทาผัก

4.เตรียมผักอื่น ๆ 



 ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง



  ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง

1 หั่นแครอทฝอย

2 หั่นหัวผักกาดขาวฝอย

3 ผักพูชู่ ที่มีลักษณะเหมือนต้นหญ้า หั่นตามรูป หรือ หั่นยาว 1 นิ้วก็ได้ แล้วแต่ครับ

4 พริกชี้ฟ้า ใช้ 1 ดอกสีแดงเป็นพอ หั่นฝอย (เอาเมล็ดออกให้เรียบร้อย)

5 ขิงปริมาณตามรูป(บน)  นำมาตำให้ละเอียด



 ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง

และ  6 ตำกระเทียมให้เรียบร้อยเช่นกัน (จะใช้กระเทียมที่ตำแล้วประมาณ 1 1/2 ชต. กระมัง )





 ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง

ปัญหาอยู่ตรงนี้ กุ้งดองตัวเล็ก ๆ ต้องซื้อที่ร้านของชำเกาหลี อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องกังวล หากไม่มี เราก็ยังมีน้ำปลาไทยของเราอยู่ ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้

หากมี ก็เอาน้ำกุ้งดองนิดหน่อย และสับ ๆ กุ้งดองให้ละเอียดดังรูป




 ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง

5.พริกป่นผสม (พริกป่นเกาหลี)
เทใส่ภาชะปริมาณในรูป (พริกป่นเกาหลีจะไม่เผ็ดเท่าพริกป่นไทย แต่จะแดงแรงฤทธิ์กว่า หากใส่พริกป่นไทย กะไม่ถูกจริง ๆ เผ็ดเกินไป)

ใส่น้ำเล็กน้อยพอให้พริกจับ ๆ เป็นก้อน ๆ แต่ไม่ให้เหลว

ใส่น้ำปลา 1 ชต. น้ำปลาตราปลาหมึกของไทยเรา




 ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง

เป็นอันเสร็จ

ผักกาดแช่เกลือทับอยู่, ผักอื่น ๆ หั่นแล้ว , กุ้งดอง , ขิงและกระเทียมสับ , พริกป่นผสมแล้ว และน้ำปลาแท้ตราปลาหมึก ~

หลังจากผักกาดที่ทับไว้พร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาทาผัก

(เวลาผ่านไปครึ่งค่อนวันเลยทีเดียว)


 ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง

นำผักกาดขาวทีทับไว้หลายชั่วโมงมาล้างให้สะอาด (สังเกตว่าผักจะนิ่ม ๆ ไม่กรอบแล้ว)

ล้างแล้วตาก ๆ ไว้ซักพัก

พอจะนำมาใช้ ก็บีบให้สะเด็ดน้ำอีกที (สังเกตว่าทั้งบิด ทั้งบีบ ผักก็ไม่แตก)




 ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง

พริกป่นที่ผสมแล้วข้างต้น เตรียมนำมาใช้

เตรียมชามอ่างผสม เทพริกป่นที่ผสมแล้วลงไปในอ่างผสม

เอาหัวผักกาดขาวหั่นฝอยลงผสมก่อนเพื่อหัวผักกาดจะได้เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง

จากนั้นก็เอาผักทุกอย่างลงผสม

ผสมกุ้งดอง เอาแป้งเปียกลงผสม น้ำปลา 2 อุ้งมือ

น้ำตาล 3 ชต. (ช้อนทานข้าวนี่หล่ะค่ะ)

เป็นอันเสร็จ 

แล้วจึงนำผักกาดขาวที่บิดแห้งสะเด็ดน้ำแล้วแล้วมาเตรียมทาเลย  (รูปสุดท้าย)



 ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง

ในขั้นตอนนี้ คนเกาหลีจะเอาเมล็ดงาทอดพอให้หอมและเป็นสีน้ำตาล เอาผักที่เพิ่งทา (ซึ่งเป็นกิมจิแล้วนั่นเอง) มาจุ่มงาแล้วกินสด ๆ

การกินกิมจิสด ๆ หลังทำเสร็จแบบนี้ ถือเป็นอีกกิจกรรมที่ควรทำ และก็เป็นดินเนอร์มื้อเย็นในคืนนั้นได้เลย

ที่เหลือก็นำใส่ภาชนะ ปิดฝาให้เรียบร้อย เก็บใส่ตู้เย็น

จะทานเลยหรือทิ้งไว้ซัก 2-3 วันก็แล้วแต่




 ทำ กิ ม จิ ง่ า ย ๆ ด้ ว ย ตั ว คุ ณ เ อ ง


การเก็บรักษากิมจิ ไม่ว่าจะเป็นอันที่เพิ่งทำ หรือ อันที่ทานอยู่ทุกมื้อ ภาชนะไม่ควรใหญ่เกินกว่าปริมาณกิมจิ (ในรูปด้านบน ต้องใส่กิมจิให้เต็มภาชนะ) ไม่ควรให้อากาศเข้าไปข้างใน

ดังนั้น หากทานกิมจิเสร็จแล้ว วิธีการเก็บให้อร่อยจึงควรใส่ภาชนะเล็กใหญ่ตามปริมาณกิมจิที่เหลือ

***ต้องขอคุณแหล่งที่มาของข้อมูลจากเว็บไซด์
http://www.oknation.net/blog/thaithai/2009/01/26/entry-1
http://www.pantown.com/board.php?id=22691&area=4&name=board10&topic=61&action=view
http://mytoonhua.diaryclub.com/20070122/%B7%D3-%A1%D4-%C1-%A8%D4-%A7%E8-%D2-%C2-%E6-%B4%E9-%C7-%C2-%B5%D1-%C7-%A4%D8-%B3-%E0-%CD-%A7
http://face2cu.blogspot.com/2011/03/blog-post_31.html 

ที่ให้ผมได้รวมรวมวิธีการทำแบบง่ายๆ และทำทำเราได้ส่งต่อเมนูการทำกิมจิ
ที่สะดวกและเข้าใจง่ายในวิธีการทำมากขึ้นครับ !